วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551
ผิวสวย หน้าใส ด้วยมะพร้าว
น้ำมะพร้าวถือเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ (Natural Mineral Drink) เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีอีกด้วย
การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ จากผลงานวิจัยของ ดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง ซึ่งมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง นอกจากนี้ การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำทุกวันยังสามารถช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
ผิวสวยด้วยการดื่มน้ำมะพร้าวถือเป็นจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะน้ำมะพร้าวสามารถช่วยเสริมสร้างความสวยใสของผิวพรรณ ทำให้เปล่งปลั่งและขาวนวลขึ้นจากภายในสู่ภายนอก เพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนอยู่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ไม่เพียงเท่านี้ ในน้ำมะพร้าวยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี แถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย จึงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
น้ำมะพร้าวมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียเนื่องจากอาการท้องเสียหรือท้องร่วงได้ จึงจัดเป็นสปอร์ตดริ๊งค์ (Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ ในประเทศไต้หวันและประเทศจีน ยังนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมาหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว หันมาหาน้ำมะพร้าวดื่มกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี
หลากมารยาทดีๆ ในที่ทำงาน
การรู้จักกาลเทศะ มีมารยาทและวางตัวดีในที่ทำงานจะช่วยให้การงานราบรื่น ช่วยผ่อนความเครียดที่อาจเกิดจากคนรอบข้างได้ มันไม่ง่ายเลยใช่มั้ยคะกับการทำงานกับคนมากมายทุกๆ วันโดยที่คนเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อนหรือคนที่รู้จักคบหากันมาก่อน ดังนั้นการเรียนรู้มารยาท และการวางตัวในที่ทำงาน ก็จะช่วยให้การงานราบรื่นขึ้น ลองนำเคล็ดลับ
ควรทำตัวอย่างไรในการแนะนำตัว
คุณควรรอให้อนุญาติให้นั่งเสียก่อนแล้วจึงนั่งลง หากได้รับคำถามว่าดื่มชา กาแฟมั้ยก็ควรตอบรับเพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น ที่สำคัญคืออย่าไปสาย ควรตรงต่อเวลาและให้เวลากับการแนะนำตัวเองอย่างไม่จำกัดเวลาแม้ว่าคุณอาจพลาดกับรถเที่ยวต่อไปก็ตาม เพราะหากคุณบอกว่า “ดิฉันต้องไปแล้วค่ะ” นั่นอาจหมายถึงว่าคุณต้องลาจากชั่วนิรันดร์
พนักงานใหม่ควรวางตัวอย่างไร
หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีกับผู้ร่วมงานในที่ทำงานใหม่ก็อย่าเพิ่งกังวล คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที แรกๆ คุณควรศึกษากฎระเบียบเสียก่อนและสังเกตุขนบธรรมเนียมและมารยาทในที่ทำงานใหม่เพราะคุณอาจทำงานได้ดีมากแต่อาจทำผิดสังคมในที่ทำงานได้ ดังนั้นคุณจึงไม่ควรเลี้ยงฉลองอะไรในวันแรก แต่ให้ผ่านช่วงทดลองงานไปก่อน
ทำอย่างไรดีกับเพื่อนร่วมงาน
คุณจัดการกับโต๊ะทำงานของตัวเองได้ แต่ไม่ควรยุ่งกับโต๊ะทำงานของคนอื่น และไม่ควรเอาของใช้ เช่น กระเป๋าหรือสิ่งของไปวางในพื้นที่ทำงานแม้ว่าคุณอยากจะโชว์ให้เพื่อนร่วมงานเห็นก็ตาม นอกจากนี้ความเครียดจะเกิดขึ้นถ้าคุณเอาตัวไปเบียดใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานเพราะมนุษย์ส่วนมากมักมีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ห่างกันหนึ่งช่วงแขน กฎในออฟฟิศอีกอย่างก็คือ เมื่อคุณจะไอหรือจามก็ควรออกนอกห้อง
เจอเพื่อนร่วมงานกลางทาง
ให้คุณเดินไปหาและทักทาย หากคุณไม่แน่ใจว่าเพื่อนร่วมงานอยากจะทักคุณหรือไม่ ก็ให้คุณพยายามสบตาด้วย หากเธอมองไปทางอื่นก็แสดงว่าเธอไม่อยากทักทายคุณ แต่ถ้าคุณอยู่ใกล้ประตูรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ก็ให้หยุดรอตอนขาลงและทักทายเธอ คุณก็จะได้เพื่อนร่วมทาง หรือหากคุณไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยก็ต้องขึ้นรถเช้ากว่านี้เพื่อไม่ต้องเจอกัน
ในลิฟต์ บางคนกลัวการอยู่ในที่แคบ เช่น ในลิฟต์ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวการอยู่ในที่แคบและเจอผู้ร่วมงานในลิฟต์ก็ควรทักทายแล้วจะหันหน้าไปทางประตูลิฟต์ก็ไม่มีใครว่าและควรถามคนอื่นด้วยว่าอยู่ชั้นไหนแล้วกดลิฟต์ให้ด้วย
การโต้ตอบอีเมล
ควรตรวจเช็กและตอบอีเมลวันละอย่างน้อยที่สุด 2 รอบ ตอนเช้า กลางวันและที่ดีที่สุดคือตอนเย็น หากคุณไม่สามารถตอบได้ทันที ก็ให้ส่งข้อความสั้นๆ ว่าคุณไม่อยู่ 2-3 วัน และบอกด้วยว่าคุณจะอยู่ในออฟฟิศอีกครั้งเมื่อไหร่ นอกจากนี้ก็ควรเขียนอีเมลอย่างระมัดระว้ง ถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด และบันทึกไว้อย่างมีระเบียบเพื่อที่คุณจะได้หาได้ง่ายเมื่อต้องการค้นหา ไม่ควรใช้คำย่อ มีคำขึ้นต้นและลงท้ายอย่างมีมารยาท
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551
เตือนคนสมัครงาน ระวังชวดเพราะบล็อก!!
วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551
อาหารจีน
เกี๊ยวเป็นอาหารที่นิยมทั้งในประเทศจีนประเทศญี่ปุ่นประเทศเกาหลีและนอกเหนือไปจากเอเชียตะวันออกส่วนในประเทศไทยสามารถพบเห็นเกี๊ยวซึ่งขายคู่กับบะหมี่ใน ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวและคนไทยมักเรียกเกี๊ยวที่ห่อไส้แล้วนำไปทอดว่า เกี๊ยวซ่า คล้ายชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่น
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551
กำแพงเมืองจีน
มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนที่หลายๆ คนยังไม่เคยทราบมาก่อน
1. เราไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนจากดวงจันทร์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยมนุษย์ แม้แต่อย่างเดียวที่สามารถมองเห็นจากดวงจันทร์ ในระดับ low Earth orbit เราสามารถมองเห็นกำแพงเมืองจีนโดยใช้ radar การมองเห็นกำแพงเมืองจีนเป็นไปได้ยากเนื่องจาก สีของกำแพงเมืองจีนจะกลืนไปกับสีของธรรมชาติ ก็คือสีของดิน หิน
2. กำแพงเมืองจีนไม่ใช่กำแพงยาวตลอด ความจริงแล้วกำแพงเมืองจีน ถูกสร้างขึ้นในหลายยุคหลายสมัยกินเวลานับพันปี โดยเป็นการเชื่อมต่อกำแพงแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน จนเป็นแนวทอดยาวหลายพันกิโลเมตร
3. กำแพงเมืองจีนเป็นเสมือนสุสานของผู้ก่อสร้าง มีการบันทึกไว้ว่า นักโทษจากสงครามและทาสกว่า 1 ล้านคนถูกใช้เป็นแรงงงานเพื่อก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งจำนวนมากเสียชีวิตลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย และความหิวโหย ซึ่งศพผู้เสียชีวิตก็จะถูกฝังอยู่ข้างใต้กำแพงนั่นเอง นานนับศตวรรษแล้ว ที่กำแพงเมืองจีนได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่มีความยาวที่สุดในโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่าทุกๆ หนึ่งฟุตของกำแพงเมืองจีนก็คือหนึ่งชีวิตของผู้ก่อสร้างกำแพง
4. ความยาวของกำแพงเมืองจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบความยาวที่แท้จริงของกำแพงเมืองจีน ในภาษาจีน จะเรียกกำแพงเมืองจีนว่า "กำแพงยาวหมื่นลี้" (หนึ่งลี้มีความยาวประมาณ 1/3 ไมล์) โดยคร่าวๆ กำแพงเมืองจีนมีความยาวประมาณ 4 พันไมล์ หรือ 6,350 กิโลเมตร ทอดผ่านทุ่งหญ้า ทะเลทราย และเทือกเขาสูง ความสูงของกำแพงคือ 7 เมตร และกว้าง 5 เมตร
5. การก่อสร้างกำแพงเมืองจีน ช่วยป้องกันการรุกรานได้หรือไม่ การเข้าครองอำนาจของมองโกล และแมนจู ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นจากความอ่อนแอ ของราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีนในขณะนั้นๆ พวกเขาใช้โอกาสในขณะที่เกิดกบฏภายใน เข้ายึดครองประเทศจีน โดยมีการต่อต้านที่น้อยมาก
6. กำแพงเมืองจีนไม่ได้เป็นแค่กำแพง ทุกๆ 300 ถึง 500 หลา จะมีฐานบัญชาการเพื่อใช้สับเปลี่ยนเวรยามและใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ มีหอสังเกตการณ์กว่า 1 หมื่นแห่ง
7. กำแพงเมืองจีนเป็นเส้นทางคมนาคม ในระยะแรก ประโยชน์ของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันช่วยให้การคมนาคมและขนส่งในเส้นทางทุรกันดาร เช่นตามเทือกเขาเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น
8. กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นโดยใช้อะไรเป็นส่วนประกอบ ก่อนที่จะมีการใช้อิฐในการก่อสร้าง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้น โดยใช้หิน ดิน และไม้ บางครั้งมีการแพ็คดินไว้ระหว่างไม้แผ่นใหญ่ และมัดไว้ด้วยกันโดยเสื่อทอ บริเวณใกล้กรุงปักกิ่ง กำแพงเมืองจีนถูกสร้างโดยใช้หินอ่อน ในบางสถานที่กำแพงถูกสร้างโดยใช้หินแกรนิต บางแห่งก็ใช้ดินเผา ทางตะวันตกของจีน กำแพงถูกสร้างโดยใช้โคลน ทำให้ชำรุดได้ง่ายกว่า กำแพงเมืองจีนที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิง โดยใช้วัตถุที่ทนทานกว่าเช่นหิน
9. สภาพของกำแพงเมืองจีนในขณะนี้ รายงานผลการสำรวจของนักอนุรักษ์เมื่อปี 2004 กล่าวว่า ขณะนี้ กำแพงเมืองจีนที่ยาว 6,350 กิโลเมตร เหลือให้เห็นเพียง 1/3 เท่านั้น และกำลังสั้นลงเรื่อยๆ ปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดการดูแลและอนุรักษ์ โดยเฉพาะจากชาวไร่ชาวนาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กำแพงเมืองจีน ไม่สนใจ ประกาศของรัฐบาลที่กำหนดให้กำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติของชาติ
วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ซากุระ
มีดอกซากุระในเกาหลี, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, จีนหรือที่อื่นๆ แต่ไม่มีกลิ่น ขณะที่ซากุระของญี่ปุ่นนั้นผู้คนจำนวนมากยกย่องชื่นชมกลิ่นของมัน และมักจะกล่าวฝากไว้ในบทกวี
ดอกซากุระของญี่ปุ่นนี้ ในภาษาอังกฤษมีคำเรียกทั่วไปว่า “cherry blooms” หรือ “cherry blossom” หรือไม่ก็ “Japanese Flowering Cherry” จะบานในช่วงปลายมีนา-ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นจากฤดูหนาวที่หมดไป
ดอกซากุระ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น เชื่อกันว่ากร่อนมาจากคำว่า ซะกุยะ (หมายถึง ผลิบาน) อันเป็นชื่อของเจ้าหญิง โคโนฮะนะซะคุยาฮิเม มีศาลบูชาของพระองค์อยู่บนยอดเขาฟูจิด้วย สำหรับพระนามของเจ้าหญิงองค์ดังกล่าวนั้น มีความหมายว่าเจ้าหญิงดอกไม้บาน และเนื่องจากซากุระเป็นดอกไม้ที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นสมัยนั้น คำว่าดอกไม้ดังกล่าวจึงหมายถึงดอกซากุระนั่นเอง เจ้าหญิงองค์ดังกล่าวได้รับพระนามเช่นนั้น ก็เพราะมีเรื่องเล่ามาว่าทรงตกจากสวรรค์ มาบนต้นซากุระ ดังนั้น ดอกซากุระจึงถือเป็นตัวแทนของดอกไม้ญี่ปุ่น ขณะที่รัฐบาลประกาศให้ดอกเก็กฮวย(ดอกเบญจมาส)เป็นดอกไม้ประจำชาติ
さくら さくら 野山も里も見わたす限りかすみか雲か 朝日
ซากุระ ซากุระ โนยะมะโม ซะโทะโมะมิวะทะสุ คะงิริคะสุมิคะ คุโมะคะ
ความหมายซากุระ ซากุระ จะในป่าเขา จะในหมู่บ้านไกลสุดแลเห็นคล้ายเมฆหมอก
วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ภาพพิธีปิด ปักกิ่งเกมส์ โอลิมปิก 2008
ทั้งนี้ พิธีปิดในสนามเริ่มอย่างเป็นทางการเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 19.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีการจุดพลุวนรอบหลังคาสนามรังนก เพื่อต้อนรับประธานาธิบดี หู จิ่น เทา และประธานไอโอซี ฌาคส์ ร็อกก์ ก่อนจะเริ่มการแสดงชุดแรก
หลังจบการแสดง เจ้าภาพจีนไปจัดให้ขบวนธงชาติของประเทศต่างๆ เข้าสู่สนาม สำหรับประเทศไทยมีสมจิตร จงจอหอ เจ้าของเหรียญทองจากกีฬามวยสากลสมัครเล่น ถือธงชาติเข้าสนาม ตามมาด้วยขบวนนักกีฬานานาชาติ โดยไม่เรียงตามลำดับประเทศเพื่อแสดงให้เห็นว่า กีฬาไม่มีการแบ่งแยกสัญชาติ ภาษาและศาสนา
ต่อมาเป็นพิธีมอบเหรียญรางวัลวิ่งมาราธอนชายในสนาม ต่อด้วยขบวนของอาสาสมัครและคณะกรรมการด้านกีฬา ของไอโอซีชุดใหม่เข้าสู่สนาม ที่ในปีนี้ มีการคัดเลือกนักกีฬาร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ตามด้วยการเชิญธงชาติกรีซ ก่อนที่ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของจีน และ ประธานไอโอซีจะขึ้นกล่าวปิดการแข่งขัน
จากนั้น ธงโอลิมปิกสากลถูกลดลงจากยอดเสา และถูกนำมามอบให้นายเกา จิง หลง ผู้ว่ากรุงปักกิ่ง ก่อนถูกมอบคืนให้ประธานไอโอซี ฌาคส์ ร็อกก์ ก่อนจะมอบต่อให้ทางนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน หลังจากนั้น เป็นการแสดงของทางอังกฤษที่เตรียมมาใช้เวลา 8 นาที ปิดฉากปักกิ่งเกมส์อีก 4 ปี พบกันที่ลอนดอน
วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551
อินเตอร์เมค เปิดตัว CK3 คอมพิวเตอร์รุ่นแรกของโลก
ผจก.อาวุโสฝ่ายการตลาด ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวต่อว่า CK3 มาพร้อมกับเทคโนโลยีภาพรุ่นล่าสุดของบริษัทฯ ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการสแกนและเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีภาพของอินเตอร์เมคจะให้ความมั่นใจในด้านการสแกนบาร์โค้ดทั้งแบบ 1 มิติ และ 2มิติ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสแกนบาร์โค้ดที่ชำรุดหรือคุณภาพไม่ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งมีความยืดหยุ่นสำหรับระยะการสแกน ด้วยเทคนิคการจับภาพและการสแกนโดยใช้ตัวจับภาพ ที่ปรับปรุงใหม่ ร่วมกับเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี การสื่อสารด้วยคำพูดและเสียงผ่านระบบสื่อสารไร้สายที่รองรับมาตรฐาน 802.11a/b/g และบลูทูธ โดยองค์กรขนาดใหญ่สามารถลดค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนของการปรับใช้อุปกรณ์ที่มีวัตถุประสงค์ใช้งานเดียวเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเก็บรวบรวมข้อมูลและการติดต่อสื่อสารได้
“แต่เดิมนั้นเราใช้การอ่านบาร์โค้ดแบบเลเซอร์ แต่เลเซอร์สามารถอ่านบาร์โค้ดที่เป็น 1 มิติ ได้อย่างเดียว และไม่สามารถอ่านบาร์โค้ดที่ชำรุด หรือฉีกขาดได้ ผมจึงคิดว่าอีก 5 ปี ข้างหน้า การอ่านบาร์โค้ดแบบเลเซอร์จะหายไป และจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องอ่านบาร์โค้ดที่เป็น 2 มิติ อย่าง CK3 เพราะบาร์โค้ดแบบ 2 มิติจะได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ชแบบ 1 มิติ ส่วนในเรื่องของต้นทุนนั้นบาร์โค้ช 1 มิติ และ 2มิติยังมีต้นทุนที่เท่ากันในระยะสั้น แต่บาร์โค้ด 2 มิติจะลดค่าใช้จ่ายในการจัดทำบาร์โค้ดที่เป็นสติ๊กเกอร์ได้ในระยะยาวเพราะสามารถทำขนาดที่เล็กลงแต่ใส่ข้อมูลได้มากกว่าแบบ 1 มิติ” นายแจ็ค กล่าว
ผจก.อาวุโสฝ่ายการตลาด ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก บ.อินเตอร์เมคฯ กล่าวด้วยว่า CK3 เหมาะกับกลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม ค้าปลีก และคลังสินค้า เนื่องจาก CK3 มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดมาตรฐานด้านสภาพแวดล้อมและเหมาะสำหรับการใช้งานในคลังสินค้า ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัด มีขนาดที่เหมาะสมสำหรับนำมาใช้ในร้านค้าหรือคลังสินค้าอย่างมาก นอกจากนี้ CK3 ยังมีจอแสดงผล QVGA ขนาด 89 มิลลิเมตร หรือ 3.5 นิ้ว พร้อมคีย์บอร์ดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกเมื่อต้องใช้งานเพียงมือเดียวอีกด้วย
วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551
สนามรังนก สนามเปิด – ปิด ปักกิ่งเกมส์
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551
Lenovo ปรับโฉมโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่
สำหรับรุ่นนี้ใช้ชิพเซ็ท Intel Atom N270 และ 945 GSE ที่ความเร็ว 1.6 GHz มาพร้อมหน้าจอ 10 นิ้ว พร้อมทั้งยังใช้เทคโนโลยีการกระจายความร้อนขั้นสูง เพื่อลดการแผ่รังสีความร้อนไปสู่ผู้ใช้อีกด้วย
ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ที่ติดมากับตัวเครื่อง ได้แก่ กล้อง 1.3 ล้านพิกเซล, ลำโพงสเตริโอ, card reader แบบ 4 in 1, ฮาร์ดไดรฟ์สูงสุด 160 GB และที่โดดเด่นสำหรับผู้ใช้พีซีก็คือ touch pad เป็นแบบ multi-touch เหมือน MacBook Pro ของ Apple เลยทีเดียว รวมทั้งยังมีช่องเสียบ Express Card สำหรับ WWAN ด้วย
สีสันมี 2 แบบให้เลือกคือ ดำ-ขาว และ แดง-ขาว โดยการออกแบบครั้งนี้ Lenovo ดูจะแหวกแนวไปกว่าเดิม คือไม่ได้ดำเนินรอยตามรูปแบบเดิมๆ ที่เคยผลิตมา อย่างในรุ่น Thinkpad ซึ่งจะมีสีดำล้วนมาตลอด
สำหรับราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด โดยรุ่น S10 ที่มาพร้อมกับแรม 512 MB และฮาร์ดไดรฟ์ 80 GB จะมีราคาอยู่ที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรุ่นที่มีแรม 1 GB และฮาร์ดไดรฟ์ 160 GB จะอยู่ที่ 450 ดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาประมาณเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ส่วนในบ้านเรานั้นคงต้องรอต่อไป
วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2551
รักแม่
ความหมายของคำว่า แม่
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
ใครเป็นผู้ควบคุมอินเทอร์เน็ต ?
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ทิม วู นักเขียนแนวไอทีและเทคโนโลยี กล่าวในหนังสือของเขาเล่มล่าสุดที่ชื่อ “Who Controls the Internet?” ว่า ทุกวันนี้การใช้อินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น ทำให้เราต้องการ bandwidth เพื่อส่งผ่านข้อมูลมากขึ้นด้วย และผลที่ตามมาก็คือในสหรัฐอเมริกามีการใช้ bandwidth กันมโหฬาร พอๆ กับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเลยทีเดียว
หากมองในมุมเปรียบเทียบ bandwidth ก็เหมือนกับพลังงานเชื้อเพลิงที่จำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจ หากเครื่องยนต์ไม่สามารถขับเคลื่อนโดยปราศจากน้ำมันฉันใด อินเทอร์เน็ตก็ไม่สามารถทำงานได้โดยปราศจาก bandwidth ฉันนั้น
เช่นเดียวกัน ทั้งน้ำมันและ bandwidth ต่างก็ถูกควบคุมปริมาณโดยผู้ผลิตกลุ่มเล็กๆ เพียงไม่กี่กลุ่ม เหมือนน้ำมันที่ถูกควบคุมโดยบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ขณะที่ bandwidth ก็ถูกควบคุมโดยบริษัทโทรคมนาคมไม่กี่บริษัท อย่างในสหรัฐอเมริกา คือ AT&T, Comcast, และ Vodafone แต่ถ้าเป็นในประเทศไทยก็เช่น TOT และ true เป็นต้น
ทิม วู จึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรจะหาแหล่ง bandwidth ใหม่ๆ กันเสียที เพราะทุกวันนี้ช่องทางหลักที่เราใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตคือ ผ่านสายเคเบิลหรือสายโทรศัพท์ ซึ่งไม่ว่าจะในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศส่วนใหญ่ในโลก ต่างก็ถูกบริษัทเพียง 2-3 บริษัท ซึ่งมักจะเป็นบริษัทโทรศัพท์หรือโทรคมนาคม ผูกขาดธุรกิจนี้อยู่
บริษัทเหล่านี้ผูกขาดโครงข่ายเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของแต่ละประเทศ ซึ่งสามารถควบคุมปริมาณ bandwidth ได้ตามต้องการเพื่อรักษาราคาค่าบริการให้สูงเข้าไว้ และรีดกำไรจากประชาชนให้ได้มากที่สุด ทิม วู บอกว่าดูๆ ไปก็คล้ายกับกลุ่มโอเปคที่มีการกำหนดโควต้าการผลิตน้ำมัน เพื่อประกันราคาน้ำมันให้สูงตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ก็แนะนำว่า ในเมื่อน้ำมันมีพลังงานทางเลือกให้ใช้ เพราะฉะนั้น bandwidth ก็มีพลังงานทางเลือกเช่นเดียวกัน อย่างในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ และบางเมืองในมลรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ต่างก็มีการจัดหาโครงข่ายไฟเบอร์มาใช้กันเอง และเปิดให้ใช้เป็นสาธารณะด้วย
ดังนั้น ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่า เราอาจจะสามารถซื้อหาโครงข่ายไฟเบอร์มาใช้กันเอง เหมือนกับกรณีที่เราหาซื้อแผงโซลาร์เซลล์มาผลิตไฟฟ้าใช้ในบ้านนั่นเอง
ระวัง!! เว็บไซต์ขโมยรหัสผ่าน MSN
และเมื่อเราหลงกล กรอกข้อมูลต่างๆ เสร็จเจ้าเว็บพวกนี้ ก็อาจจะขึ้นว่า ตอนนี้ระบบขัดข้อง เพราะคนใช้เยอะ คนโง่แยะ หรืออาจจะขึ้นหน้า ข้อมูลหลอกๆ แต่หารู้ไม่ว่า รหัสผ่าน MSN โดยเจ้าเว็บไซต์พวกนี้ฉกไปแล้ว ทีนี้ วันดีคืนดี ก็จะมีคนแอบเข้ามาอ่านเมล์ และเล่นเอ็มของเรา หน้าตาเฉย นอกจะจะใช้เว็บหลอกเราแล้ว บางทีอีเมล์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งครับ เช่น มีคนเมล์มาหาเราว่า เป็นเมล์ที่ส่งจาก Microsoft หรือ Hotmail โดยให้คลิกลิงค์จากเมล์ แล้วก็จะพบกับเว็บ ให้เรากรอกรหัสผ่านเพื่อยืนยันเมล์เพือทาง Hotmail จะไม่เก็บเงินค่าบริการท่านอะไรเทือกนี้ จริงๆ กลยุทธ์พวกนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ทางแฮกเกอร์ใชักัน เรียกเป็นภาษา IT ว่า Phishing (อ่านว่า ฟิชชิ่ง ให้จำง่ายๆ ว่าขุดบ่อล่อปลานั่นเอง ฮ่า) ส่วนใครที่ทราบความหมายขอคำว่า Phishing คลิกเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ (ขอบคุณเว็บ thaicert.org ) ขอสรุปว่า หากใครส่งลิงค์มา ดูนิดนึงก็ดีว่า Link อะไรไปไหน หรือ เว็บนั้นเป็นเว็บอะไร ถ้าเจอเว็บพวกนี้ โฆษณาว่า สามารถทำให้คุณทราบ ได้ว่า ใคร Block คุณไว้บ้าง
วิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์
1. ฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ตัดการเชื่อมต่อเครือข่ายก่อนการติดตั้งระบบปฏิบัติการ เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากและผู้ใช้งานเกือบทุกคนละเลยและข้ามขั้นตอนนี้ไป ก่อนการติดตั้งระบบปฏิบัติการต้องทำการถอดสายแลนก่อน จนกระทั่งเมื่อติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสเสร็จแล้วจะต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลของโปรแกรมป้องกันไวรัส เพื่อป้องกันการโจมตีจากไวรัสหรือผู้บุกรุกก่อนที่จะปรับแต่งให้เครื่องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ
การฉีดวัคซีนคุ้มกัน ก็คือการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสก็จะปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้นหลักการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสเพื่อให้เครื่องปลอดภัยมีดังนี้
เลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมหรือตามที่องค์กรกำหนด การเลือกนั้นเป็นเพียงการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีและองค์กร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเครื่องที่ใช้งานอยู่มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก ก็อาจจะเลือกใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีขนาดเล็กและทำงานได้รวดเร็ว หรือถ้าบุคลากรภายในองค์กรขาดความตระหนักในการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสก็ควรที่จะเลือกโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมเครื่องดังกล่าวให้ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลหรือสแกนหาไวรัสจากระยะไกลได้ เป็นต้น
สร้างแผ่นบูต emergency disk เพื่อใช้ช่วยในการกู้ระบบ การสร้างแผ่น emergency disk หรือบางครั้งอาจเรียกว่า Rescure disk นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเครื่องติดไวรัสที่ไม่สามารถจะกำจัดได้โดยผ่านระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หรือผลกระทบของไวรัสที่ทำให้เครื่องไม่สามารถบูตได้ตามปกติ เราก็สามารถใช้แผ่น emergency disk มาช่วยในการกู้ข้อมูลและกำจัดไวรัสออกจนทำให้บูตเครื่องได้ตามปกติ
ปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสทุกวันหรืออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ขั้นตอนนี้เปรียบเสมือนหัวใจของการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัส เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาออกมาใหม่ทุกวัน ดังนั้นจึงควรที่จะสอนโปรแกรมป้องกันไวรัสให้รู้จักไวรัสชนิดใหม่ๆ ด้วย โดยการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้งานนั่นเอง
เปิดใช้งาน auto - protect โดยส่วนใหญ่โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ติดตั้งจะทำการสร้างโพรเซสที่จะตรวจหาไวรัสตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสสามารถถูกเอ็กซิคิวต์ในเครื่องได้
ก่อนเปิดไฟล์จากแผ่นที่นำมาใช้จากที่อื่นให้สแกนหาไวรัสก่อน แผ่นดิสก์ที่นำไปใช้ที่อื่นแล้วนำกลับมาเปิดที่เครื่อง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าแผ่นนั้นไม่มีไวรัสอยู่ ดังนั้นควรจะตรวจหาไวรัสในแผ่นก่อนที่จะเปิดอ่านข้อมูลที่ถูกบรรจุในแผ่นดิสก์ดังกล่าว
ทำการตรวจหาไวรัสทุกสัปดาห์ ในแต่ละสัปดาห์แน่นอนว่ามีไฟล์ที่ผ่านเข้าออกเครื่องมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อี-เมล์ที่ได้รับ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต ตลอดจนไฟล์ชั่วคราวของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่เก็บในแต่ละครั้งที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไฟล์เหล่านั้นไม่มีไวรัสแฝงตัวมา ดังนั้นจึงควรที่จะทำการตรวจหาไวรัส โดยการสแกนหาทั้งระบบ อาจจะเป็นทุกเย็นของวันศุกร์ก่อนกลับบ้านก็เป็นได้
2. ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานปลอดภัยหรือยัง
ขึ้นชื่อว่าซอฟต์แวร์ย่อมมีช่องโหว่ เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก โดยผ่านทางซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น ดังนั้นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านั้นจึงต้องติดตามอัพเดตเวอร์ชันอยู่เสมอ และผู้ใช้งานโปรแกรมเองก็จำเป็นต้องติดตามข่าวสารการเปลี่ยนแปลงของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่จากผู้จำหน่ายหรือผู้พัฒนา ทั้งทางเว็บไซต์ นิตยสารต่างๆ เป็นต้น
ระบบปฏิบัติการ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องใช้ระบบปฏิบัติการที่ออกใหม่ล่าสุด แต่ถ้าภายในองค์กรมีกำลังทรัพย์พอที่จะเปลี่ยนก็จะเป็นการดี แต่ถ้าด้วยสาเหตุที่งบประมาณน้อยก็ใช้ระบบปฏิบัติการเดิมแต่ต้องทำการติดตามอัพเดต Hotfix และ Service Pack ต่างๆ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ "วิธีการติดตั้ง Microsoft Hotfix และ Service Pack"
โปรแกรม Internet Explorer หรือ IE เป็นโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ทุกเวอร์ชัน เนื่องด้วยไวรัสในยุคปัจจุบันจะอาศัยช่องโหว่ "Incorrect MIME Header Can Cause IE to Execute E-mail Attachment" ในการจู่โจม ซึ่งเป็นการเอ็กซิคิวต์ไฟล์ไวรัสที่แนบมากับอี-เมล์โดยอัตโนมัติ และการจู่โจมด้วยวิธีนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ดังนั้นวิธีการเพื่อป้องกันไวรัสคือการอัพเดตเวอร์ชันของโปรแกรม IE ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งในขณะนี้คือ เวอร์ชัน 6 Service Pack 1 (IE 6 SP1) นอกจากนี้แล้ว การปรับแต่งค่า Security Zone ก็เป็นวิธีที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ "การปรับค่า Security Zone เพื่อป้องกันไวรัสของโปรแกรม MS Internet Explorer"
โปรแกรมที่ใช้อ่านอี-เมล์ จากข้อมูลสถิติพบว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ประเภทหนอนอินเทอร์เน็ตยุคหลังๆ ที่สามารถแพร่กระจายตัวเองผ่านทางอี-เมล์มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เอ็กซิคิวต์ไฟล์ที่ไวรัสแนบมากับอี-เมล์ ส่งผลให้เครื่องดังกล่าวติดไวรัสได้ ดังนั้นวิธีการป้องกันคือทำปรับแต่งค่าของโปรแกรมไม่ให้ทำการเอ็กซิคิวต์ไฟล์ที่แนบมากับอี-เมล์โดยอัตโนมัติ และไม่ควรบันทึกหรือเอ็กซิคิวต์ไฟล์ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นไวรัสหรือไม่ เพื่อตัดปัญหาความเสี่ยงที่จะติดไวรัสได้
โปรแกรม Microsoft Office การป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสที่มีผลกระทบโดยตรงต่อโปรแกรมนี้คือ การป้องกันไม่ให้เอ็กซิคิวต์โปรแกรมประเภทมาโคร (Macro) ที่แนบมากับไฟล์เอกสารทั่วไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเมื่อทำการเปิดไฟล์เอกสารที่มีโปรแกรมมาโครฝังตัวอยู่นั้น โปรแกรม Microsoft Office เองจะแสดงไดอะล็อกที่บอกว่าจะเอ็กซิคิวต์มาโครที่ติดมากับไฟล์หรือไม่ ให้ทำการตอบว่า Disable เพื่อเป็นการยกเลิกการใช้มาโครในไฟล์เอกสารนั้น
3. การแชร์ไฟล์ และการรับ-ส่งไฟล์ต่างๆ
การแชร์ไฟล์นั้นมีประโยชน์ในการรับ-ส่งไฟล์มากภายในองค์กร เนื่องจากทั้งรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่ทราบหรือไม่ว่าจากประโยชน์นี้ก็แฝงไว้ด้วยอันตรายที่น่าสะพรึงกลัวของไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วย ดังนั้นการแชร์ไฟล์ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง เป็นไปได้ก็ไม่ควรที่จะแชร์ไฟล์ แต่ถ้าในการใช้งานจริงๆ มีความจำเป็นที่จะต้องแชร์ไฟล์ก็ควรที่จะแชร์เป็นประเภทอ่านอย่างเดียว และควรตั้งรหัสผ่านด้วย
การแชร์ไฟล์ผ่านโปรแกรมอื่นๆ เช่น KaZaA ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ไวรัสคอมพิวเตอร์ขนิดใหม่ใช้เจาะเข้ามาแพร่กระจายภายในเครื่องได้
การรับ-ส่งไฟล์ผ่านโปรแกรมสนทนาต่างๆ เมื่อได้รับไฟล์จากคู่สนทนาที่ไม่รู้จักก็ไม่ควรรับไฟล์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับไฟล์นั้นด้วยว่าเป็นไฟล์ประเภทใด โดยดูจากนามสกุลของไฟล์นั้น โดยเฉพาะไฟล์ที่มีนามสกุล .exe .pif .com .bat หรือ .vbs เป็นต้น ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
4. สำรองข้อมูลไว้
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับเครื่องที่ใช้งานอยู่ เป็นต้นว่าไฟฟ้าตก หรือไวรัสแพร่กระจายไปยังไฟล์สำคัญ อาจส่งผลให้เครื่องนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติหรือใช้งานไฟล์บางไฟล์ไม่ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เจ้าของเครื่องดังกล่าวสูญเสียข้อมูลสำคัญๆ ได้ ดังนั้นถ้าเรามีการสำรองข้อมูลไว้ ปัญหาที่ผู้ใช้งานจะสูญเสียข้อมูลก็จะลดลงได้มากพอสมควร ในการสำรองข้อมูลเพื่อใช้ในการกู้ระบบคืนนั้นควรกระทำบ่อยๆ อย่างน้อยประมาณ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และสิ่งที่ควรจะทำการสำรองไว้บ่อยๆ คือ
การสำรองเรจิสทรีย์ การสร้างความเสียหายของไวรัสหรือหนอนส่วนใหญ่มักจะไปทำการแก้ไขค่าต่างๆ ในเรจิสทรีย์ ดังนั้นการสำรองเรจิสทรีย์จึงมีความสำคัญมากในการช่วยกู้ระบบกลับคืนมา ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดวิธีการสำรองเรจิสทรีย์ในหัวข้อ "วิธีการสำรองข้อมูล Windows registry"
การสำรองข้อมูลต่างๆ คงไม่มีใครที่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องลบไฟล์บางไฟล์ที่ติดไวรัส และไฟล์นั้นมีความสำคัญสูงมาก แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว วิธีการแก้ปัญหาที่คาดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดคือการกู้ไฟล์เหล่านั้นคืนจากที่ได้สำรองไว้
5. ติดตามข่าวสารต่างๆ
เนื่องด้วยในวันหนึ่งๆ จะมีไวรัสคอมพิวเตอร์ออกมาใหม่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและหาทางป้องกันจึงนับเป็นหนทางที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วๆ ไปหรือแม้กระทั่งผู้ดูแลระบบเอง จึงควรที่จะหาช่องทางในการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์และข่าวสารเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ด้วย
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551
งานครั้งที่ 2 ไฟล์วีดีโอนามสกุล DivX
http://www.thaisubtitle.com/forum/viewtopic.php?t=5
วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551
การบ้านครั้งที่ 1 HD-DVD
HD-DVD (High Definition DVD) เป็นมาตรฐานของออปติคอลดิสก์ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทโตชิบา ในรูปแบบของดีวีดีรุ่นใหม่ ซึ่งมีความคมชัดมากกว่า DVD ทั่วไปคะ ใช้บันทึกวิดีโอความละเอียดสูง (high definition) หรือข้อมูลชนิดอื่นๆ ก็ได้ ขนาดแผ่น HD-DVD จะเท่ากับแผ่น CD ธรรมดา และยิงด้วย blue laser แบบเดียวกับที่ใช้ใน Blu-ray Disc (เป็นแผ่นดีวีดีรุ่นใหม่อีกแบบหนึ่งที่พัฒนาโดยบริษัทโซนี่) HD-DVD มีความจุ 2 แบบ คือ แบบ single layer มีความจุ 15 GB และแบบ dual layer มีความจุ 30 GB ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Blu-ray Disc ซึ่งจุได้ 25 GB สำหรับ single layer และ 50GB สำหรับ dual layer แล้ว HD-DVD อาจจะได้ความจุน้อยกว่า
HD DVD (High Definition DVD หรือ High Density DVD) เป็นแผ่นข้อมูลแบบบันทึกด้วยแสง (optical disc) ที่ใช้บันทึกวิดีโอความละเอียดสูง (high definition) หรือข้อมูลชนิดอื่นๆ ก็ได้ HD DVD มีลักษณะใกล้เคียงกับ Blu-ray ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลคู่แข่ง โดยใช้ขนาดแผ่นเท่ากับซีดีรอม (เส้นผ่านศูนย์กลาง 12 ซม.)HD DVD ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมหลายบริษัท เช่น โตชิบา, NEC, ซันโย, ไมโครซอฟท์ และอินเทล รวมถึงบริษัทภาพยนตร์อย่าง Universal Studios โตชิบายังได้ออกวางขายเครื่องเล่นแผ่น HD DVD เครื่องแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2006HD DVD แบบเลเยอร์เดียวจุข้อมูลได้ 15GB และ 30GB สำหรับแบบสองเลเยอร์ โตชิบาได้ประกาศว่าจะผลิตแผ่นแบบ 3 เลเยอร์ที่จุได้ 45GB ในตัวแผ่น HD DVD สามารถใส่ข้อมูลชนิดดีวีดีแบบเดิม และ HD DVD ได้พร้อมกัน การอ่านข้อมูลใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นแสงสีฟ้า (405 นาโนเมตร)ชั้นข้อมูลจะถูกบันทึกถัดไปจากพื้นผิว 0.6 มิลลิเมตรเช่นเดียวกับดีวีดีทั่วไป เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลวิดีโอคือ MPEG-2, Video Codec 1 และ H.264/MPEG-4 AVC สนับสนุนระบบเสียงแบบ 7.1 ในส่วนความละเอียดของภาพนั้นขึ้นกับจอภาพที่ใช้ด้วย แต่สามารถขึ้นได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p
จุดเด่นของ HD-DVD
สื่อรุ่นใหม่ทั้งสองประเภทไม่ได้มีดีที่ความจุเท่านั้น สิ่งที่หลายคนคาดหวังกับ Blu-ray และ HD-DVD ก็คือ คุณภาพของภาพที่คมชัดขึ้นกว่าเดิมและให้สีสันสมจริงที่สุดในแบบที่ดีวีดีเองก็ยังเทียบไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าแค่ซื้อแผ่นและเครื่องเล่นรุ่นใหม่แล้วคุณก็จะได้คุณภาพระดับดังกล่าว ถ้าจะเล่นแผ่นระดับนี้ คุณต้องมีโทรทัศน์แบบ High Definition หรือที่เรียกกันว่า HD-TV ด้วยความคมชัดของคุณภาพระดับ High-Definition นั้น เชื่อว่าใครได้ชมเป็นต้องติดใจเพราะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับภาพที่เล่นจากแผ่นดีวีดีหรือแผ่นซีดธรรมดา แต่จะคุ้มค่ากันหรือไม่ อันนี้ผู้บริโภคต้องลองตัดสินใจกันดู โดยราคาเฉลี่ยของเครื่องเล่น Blu-ray นั้นอยู่ที่เกิน 3 หมื่นบาทขึ้นไป ส่วนเครื่องเล่น HD-DVD นั้นราคาก็ยังอยู่ประมาณ 2 หมื่นบาท นี่ยังไม่รวมค่าแผ่นภาพยนตร์ที่ตกแผ่นละประมาณเกือบๆพันบาท.... แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกท่านจะได้กลับมาก็คือคุณภาพของภาพและระบบเสียงที่สมจริงขึ้นอุปสรรคของBlu-rayและHD-DVD แต่ความซับซ้อนและปัญหาเกี่ยวกับ Blu-ray และ HD-DVD นั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องราคาที่ยังแพงอยู่ เพราะปัญหาสำคัญก็คือ ทั้งสองค่ายทะเลาะกันมาข้ามปี ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสื่อรุ่นใหม่นี้ได้ลำบากขึ้น เพราะแผ่นแบบ Blu-ray นั้นก็ต้องเล่นเฉพาะบนเครื่องเล่นที่รองรับ Blu-ray เท่านั้น เช่นเดียวกันกับ HD-DVD สองปีผ่านไป ทั้งสองค่ายก็ยังหาทางสมานฉันท์ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวหลายครั้งว่าจะรอมชอมกันได้ และที่จริงเดิมทีซัมซุงและแอลจีก็เคยมีแผนที่จะปล่อยเครื่องเล่นแบบที่รองรับได้ทั้งสองมาตรฐาน แต่ท้ายสุดก็เป็นอันเงียบไป ทำให้ผู้บริโภคต้อง "เสี่ยง" ดวงเอาเอง คือ ถ้าสองค่ายไม่มีใครยอมใครกันจริงๆ แน่นอนว่าในอนาคตย่อมมีหนึ่งมาตรฐานที่ชนะ และอีกหนึ่งค่ายที่แพ้หากใครเลือกผิดก็เหมือนกับซื้อเครื่องเล่นเอาไว้เป็นของประดับบ้านเฉยๆนั่นละ!! สถานการณ์ตอนนี้หากดูกันโดยภาพรวมแล้ว Blu-ray ยังคงได้เปรียบอยู่พอสมควร เพราะค่ายหนังฮอลลีวูดยักษ์ใหญ่ 7 ใน 8 รายให้การสนับสนุนอย่างดี ซึ่งได้แก่ Warner, Paramount, Fox, Disney, Sony, MGM และ Lionsgate มีเพียงค่าย Universal เท่านั้นที่ยังปักใจกับ HD-DVD โดยมี Warner และ Paramount เป็นที่ปันใจเลือกทั้งสองฝั่งเป็นแรงหนุนอีกที นอกจากนี้ Blu-ray ยังมีค่ายผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำคอยดันกันอีกหลายแรง ทั้ง Panasonic, Philips, Samsung, Pioneer, Sharp, JVC, Hitachi, Mitsubishi, LG รวมไปถึงค่ายใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ทั้ง Apple, HP และ Dell เรียกว่าทำให้ฟากHD-DVDของโตชิบานั้นสั่นได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ใช่ว่า HD-DVD นั้นจะต้องเป็นฝ่ายแพ้นะ ลองฟังชื่อของบริษัทระดับบิ๊กๆ ที่หนุนหลังโตชิบาซะก่อนแล้วค่อยตัดสินใจใหม่ เพราะมีทั้ง NEC, Sanyo พร้อมด้วยคู่หูดูโอวงการคอมพิวเตอร์อย่าง Microsoft และ Intel เรียกว่าทาง Blu-ray เองก็ประมาทไม่ได้เลยทีเดียวสำหรับใครที่อยากลองของใหม่ ทั้ง Blu-ray และ HD-DVD น่าจะสร้างความตื่นเต้นประทับใจให้ได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ถ้าใครชอบความคุ้มค่า Choose IT ของเราขอแนะนำว่า ... รอไปก่อน รอจนกว่าเค้าจะทะเลาะกันเสร็จ รอจนกว่าราคาจะเหมาะสมกว่านี้ แล้วค่อยซื้อก็ยังไม่ช้าเกินไป
ที่มา: http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=0a84d09cead9ad11
http://hitechguide.blogspot.com/2007/12/hd-dvd.html
http://www.chaime.net/forum/showthread.php?tid=14&pid=836#pid836